1. บางกะเจ้า จังหวัดสมุทรปราการ
2. พระราชวังบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
แหล่งท่องเที่ยวที่ห้ามพลาดของอยุธยา เพราะมีความเก่าแก่และทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์และยังมีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม น่าเที่ยวชม โดยมีการผสมผสานระหว่างศิลปะแบบจีน, ยุโรป และไทยให้เข้ากันได้อย่างลงตัว มีพระที่นั่งและตำหนักที่สำคัญ อาทิ พระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์, พระที่นั่งวโรภาษพิมาน, สภาคารราชประยูร, พระที่นั่งอุทยานภูมิเสถียร, พระที่นั่งเวหาศน์จำรูญ, หอเหมมณเฑียรเทวราช, หอวิฑูรทัศนา, เก๋งบุปผาประพาส, อนุสาวรีย์สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ หรืออนุสาวรีย์พระนางเรือล่ม, อนุสาวรีย์พระอรรคชายาเธอ พระองค์เจ้าเสาวภาคย์นารีรัตน์ และเจ้าฟ้าสามพระองค์ เป็นต้น ที่นี่เปิดให้เข้าเที่ยวชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักพระราชวังบางปะอิน โทรศัพท์ 0 3526 1044, 0 3526 1549, 0 3526 1673
3. อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ตั้งอยู่ภายในเกาะเมืองอยุธยา เขตเทศบาลเมืองพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สถานที่ที่เคยเป็นราชธานีเก่าแก่อันยิ่งใหญ่ที่สืบเนื่องยาวนาน และมีความเจริญรุ่งเรืองที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ โดยมีศิลปวัฒนธรรมอันยิ่งใหญ่ งดงาม และทรงคุณค่า จนได้รับการเชิดชูคุณค่าไว้ในบัญชีรายชื่อแหล่งมรดกโลกขององค์การยูเนสโก ในปี พ.ศ. 2534 จุดท่องเที่ยวหลัก ๆ ที่น่าไปเยี่ยมชม ไม่ว่าจะเป็นพระราชวังโบราณหรือพระราชวังหลวง ที่ประทับของพระมหากษัตริย์ในสมัยกรุงศรีอยุธยา, วัดพระศรีสรรเพชญ์, วัดราชบูรณะ, วิหารพระมงคลบพิตร, วัดไชยวัฒนาราม เป็นต้น
เปิดทุกวันเวลา 08.00-18.00 น. ค่าเข้าชม ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างชาติ 50 บาท หรือสามารถซื้อบัตรรวมได้ ชาวไทย 40 บาท ชาวต่างชาติ 220 บาท โดยบัตรนี้สามารถเข้าชมวัดและโบราณสถานบริเวณอุทยานประวัติศาสตร์ได้ภายในระยะเวลา 30 วัน ได้แก่ วัดพระศรีสรรเพชญ์และพระราชวังหลวง วัดมหาธาตุ วัดราชบูรณะ วัดพระราม และวัดไชยวัฒนาราม
หมายเหตุ: ตั้งแต่เวลาประมาณ 19.30- 21.00 น. จะมีการส่องไฟชมโบราณสถาน
4. เกาะแสมสาร จังหวัดชลบุรี
เกาะแสมสาร หนึ่งในเกาะท่องเที่ยวยอดนิยมใกล้กรุงเทพฯ ตั้งอยู่ในอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เป็น 1 ใน 9 เกาะ ในโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งทำให้ที่นี่กลายเป็นแหล่งเรียนรู้และท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้ทำมากมาย เช่น พายเรือคายัก ดำน้ำดูปะการัง และปั่นจักรยานชมธรรมชาติ เป็นต้น โดยปกติแล้วเกาะแสมสารเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ที่นี่จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการมาเที่ยวแบบ One Day Trip ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ tis-museum.org
5. หาดเตยงาม จังหวัดชลบุรี
หาดเตยงาม หาดสวยอีกแห่งในอำเภอสัตหีบ ตั้งอยู่บริเวณอ่าวนาวิกโยธิน เหมาะสำหรับเป็นสถานที่พักผ่อนวันหยุดของครอบครัว มีอาหารและที่พักไว้คอยรับรองนักท่องเที่ยวมากมาย แถมยังมีกิจกรรมสนุก ๆ มากมาย เช่น พายเรือคายัก ว่ายน้ำชมปะการังน้ำตื้น เป็นต้น ซึ่งนักท่องเที่ยวจะต้องทำการแลกบัตรที่บริเวณทางเข้าเสียก่อน เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย มีการแบ่งพื้นที่โซนเล่นน้ำ โซนที่พักเอาไว้อย่างชัดเจน เพื่อจัดระเบียบและดูแลได้โดยง่าย รวมถึงยังมีรถบริการขึ้นไปสักการะกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ และขึ้นเขาชมความสวยงามของท้องทะเลสัตหีบอีกด้วย
6. น้ำตกสาริกา จังหวัดนครนายก
น้ำตกสาริกา ตั้งอยู่ที่ตำบลสาริกา อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่มีลักษณะโยนตัวลงมาจากหน้าผาสูงชัน และมีความสูงถึง 9 ชั้นด้วยกัน เป็นน้ำตกที่เหมาะกับการเล่นน้ำ เพราะมีแอ่งน้ำขนาดใหญ่อยู่ด้านล่าง ยิ่งในช่วงฤดูฝนที่น้ำไหลแรง นักท่องเที่ยวจะได้ยินเสียงน้ำที่ตกกระทบหินดังสนั่น น้ำกระเซ็นเป็นละอองขาว เป็นเสน่ห์ความงดงามที่ไม่ว่าใครก็อยากเดินทางมาเห็น ภายในมีบริการห้องน้ำ ร้านอาหารและห่วงยางให้นักท่องเที่ยวได้เช่าเสร็จสรรพ ค่าเข้าชม คนไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท ต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท และเด็ก 100 บาท
7. ล่องแก่งภูเกาะ จังหวัดสระบุรี
หากอยากเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ไม่ไกลกรุงเทพฯ ลองไปล่องแก่ง ณ แก่งภูเกาะ อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี แหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ในเขตอุทยานแห่งชาติน้ำตกเจ็ดสาวน้อย โดยจุดลงเรืออยู่บริเวณทางหลวงหมายเลข 2224 กิโลเมตรที่ 13-14 เข้าไปประมาณ 5 กิโลเมตร เพลิดเพลินกับการล่องแก่งเรือยางหรือพายเรือคายัก ตลอดสายน้ำผ่านเกาะแก่งต่าง ๆ กว่า 15 แก่ง ระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง โดยสามารถล่องแก่งได้ตลอดทั้งปี ช่วงเวลาที่เหมาะสมคือ ดือนมีนาคม-ตุลาคม โดยยามน้ำลดเหมาะแก่การพายเรือคายัก ส่วนยามน้ำหลากในช่วงฤดูฝนสามารถล่องเรือยางขนาดใหญ่ท่ามกลางธรรมชาติที่สมบูรณ์ตลอดเส้นทางการล่องแก่ง ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติ น้ำตกเจ็ดสาวน้อย หรือสอบถามรีสอร์ทต่าง ๆ ในอำเภอมวกเหล็ก
8. อุทยานหินเขางู จังหวัดราชบุรี
อีกหนึ่งแลนด์มาร์กสุดชิคในจังหวัดราชบุรี ตั้งอยู่ในสวนสาธารณะเขางู ตำบลเกาะพลับพลา นักท่องเที่ยวจะได้เห็นภาพภูมิทัศน์ของเขาหินปูนที่ทั้งสูงและสวยงาม ล้อมรอบด้วยอ่างเก็บน้ำใส ท่ามกลางบรรยากาศชิล ๆ และผ่อนคลาย จุดที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูป อยู่ตรงบริเวณสะพานเลียบแม่น้ำทอดยาว ไว้สำหรับเดินถ่ายภาพวิวสวย ๆ รวมถึงยังมีศาลาไว้สำหรับนั่งพักผ่อน และอย่าลืมแวะชมความสวยงามของภาพแกะสลักพระพุทธรูปปางประทานพรขนาดใหญ่กันด้วยนะ
9. ตลาดน้ำคลองบางน้อย จังหวัดสมุทรสงคราม
ภาพจาก gopfaster / Shutterstock.com
ตั้งอยู่บริเวณปากคลองบางน้อย หน้าวัดเกาะแก้ว อำเภอบางคนที ในอดีตเคยเป็นย่านการค้าที่รุ่งเรืองและสำคัญมากในลุ่มน้ำแม่กลอง มาเดินเที่ยวที่นี่ไม่ต้องห่วงเรื่องของกิน เพราะมีพร้อมเสร็จสรรพ ทั้งสินค้าผลิตผลจากเกษตรกร โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกผลไม้ ซึ่งมีทั้งลิ้นจี่ มะม่วง ส้มโอ มะเฟือง ชมพู่ และอีกสารพัดผลไม้ รวมถึงอาหารคาวหวานหลากหลาย แต่ละอย่างล้วนแล้วแต่เป็นของขึ้นชื่อของจังหวัดสมุทรสงคราม แถมยังมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้ทำอีกเพียบ ทั้งการเดินชมบรรยากาศบ้านไม้เก่าแก่ หรือนั่งเรือแจวชมวิถีชีวิตชาวบ้านชุมชนริมน้ำ เยี่ยมชมและสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ รับรองว่าคุณจะได้ซึมซับบรรยากาศความคลาสสิกที่ไม่เหมือนใคร เปิดบริการทุกวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น.
10. เกาะเกร็ด จังหวัดนนทบุรี
เกาะเกร็ด ถือเป็นที่เที่ยวใกล้กรุงเทพฯ มาก ๆ เดินทางสะดวก เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่รู้จักกันดีในฐานะแหล่งชุมชนคนมอญที่มีชื่อเสียงในเรื่องของเครื่องปั้นดินเผา และประเพณีวัฒนธรรมแบบพื้นบ้านดั้งเดิมที่ยังคงอนุรักษ์ไว้ได้เป็นอย่างดี ทุก ๆ วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ จะคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวมากมาย ร้านค้า ร้านอาหารก็ดูจะคึกคักสุด ๆ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่มาเที่ยวบนเกาะเกร็ดก็จะมีทั้งมาเดินเที่ยว ช้อปปิ้ง หาของอร่อย ๆ กิน บ้างก็เลือกนั่งเรือชมรอบเกาะ ทำเอาเพลิดเพลินใจไปอีกแบบ ที่นี่เปิดเวลาประมาณ 08.00-17.00 น.
11. ไหว้พระ 3 วัด จังหวัดฉะเชิงเทรา
จังหวัดที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ใช้เวลาเดินทางเพียงแค่ 1-2 ชั่วโมงเท่านั้น แถมยังอุดมไปด้วยสวนผลไม้และแหล่งท่องเที่ยวอีกมากมาย แต่หนึ่งกิจกรรมที่ต้องทำเมื่อไปเยือนฉะเชิงเทราคือการไหว้พระ เราเลยนำทริปไหว้พระ 3 วัด มาแนะนำ ได้แก่ วัดโสธรวรารามวรวิหาร ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมือง ริมแม่น้ำบางปะกง เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปที่สำคัญคือ "หลวงพ่อโสธร" พระพุทธรูปปูนปั้นปางสมาธิ อันเป็นศูนย์รวมศรัทธาของชาวแปดริ้วและพุทธศาสนิกชนทั่วไป, วัดสมานรัตนาราม (ใหม่ขุนสมาน) ตั้งอยู่ที่ตำบลบางแก้ว ริมแม่น้ำบางปะกง เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่มีองค์พระพิฆเนศวรปางนอนเสวยสุข ซึ่งถือเป็นปางนอนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยให้ได้ไปกราบไหว้
ภาพจาก suronin / Shutterstock.com
และวัดจีนประชาสโมสร (วัดเล่งฮกยี่) ตั้งอยู่ที่ถนนศุภกิจ ตำบลบ้านใหม่ ห่างจากศาลากลางจังหวัด 1 กิโลเมตร เป็นวัดจีนในพุทธศาสนาฝ่ายมหายานที่ขยายมาจากวัดเล่งเน่ยยี่ในกรุงเทพฯ ภายในวัดมีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย เช่น ท้าวจัตุโลกบาลขนาดใหญ่ 4 องค์ รูปหล่อเทพเจ้าแห่งโชคลาภ (ไฉ่ซิงเอี้ย) และระฆังใบใหญ่น้ำหนักกว่า 1 ตัน ซึ่งเป็น 1 ใน 3 ใบในโลกที่รอบระฆังมีอักษรมหาปรัชญาปารมิตาสูตรถือกันว่าผู้ใดได้ตีระฆังก็เหมือนกับการสวดมนต์ซึ่งได้บุญกุศล
12. บางแสน จังหวัดชลบุรี
ภาพจาก FS11 / Shutterstock.com
บางแสน เมืองท่องเที่ยวยอดฮิตที่สุดแห่งหนึ่งของไทย แม้จะไม่ได้มีหาดทรายขาว น้ำทะเลใสอย่างเกาะแก่งทางภาคใต้ แต่ก็มีบรรยากาศที่สวยงาม มีกลิ่นอายของท้องทะเลอันเงียบสงบ โดยเฉพาะถ้าหากอยากกินอาหารทะเลสด ๆ ตลอดแนวชาวหาดก็มีร้านอาหารทะเลรสชาติเด็ด ๆ หลายร้านเลยทีเดียว บวกกับการเดินทางที่ไม่ไกลและสะดวกสบายสำหรับนักท่องเที่ยว จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมที่นี่ถึงถูกเลือกเป็นโปรแกรมอันดับต้น ๆ สำหรับคนที่อยากจะเดินทางเที่ยวต่างจังหวัดใกล้ ๆ
13. ตลาดริมคลองพ่อพันท้ายนรสิงห์ จังหวัดสมุทรสาคร
ตั้งอยู่ที่ตำบลพันท้ายนรสิงห์ อำเภอเมือง เป็นตลาดที่ครบเครื่องทั้งเรื่องกินและช้อป เหมาะกับนักท่องเที่ยวที่กำลังมองหาที่เที่ยวใกล้กรุงเทพฯ สักที่เอาไว้เดินเล่นแบบเพลิน ๆ เพราะขับรถมาอึดใจเดียว คุณก็จะได้พบกับบรรยากาศความคึกคักของผู้คนที่มาจับจ่ายใช้สอยที่ตลาดริมคลองพ่อพันท้ายนรสิงห์แห่งนี้ ภายในตลาดละลานตาด้วยอาหาร ขนมไทย อาหารพื้นเมือง และผลิตภัณฑ์ OTOP ของจังหวัด แถมยังมีศูนย์การเรียนรู้หมู่บ้าน OTOP เพื่อการท่องเที่ยว โดยนักท่องเที่ยวสามารถเรียนรู้อาชีพการทำผลิตภัณฑ์ OTOP ของตำบลพันท้ายนรสิงห์ได้ เช่น การทำชาใบขลู่, การนวดแผนไทย และการเพาะเลี้ยงปลากะพง เป็นต้น รวมถึงสนุกไปกับการร้องเพลงและเล่นดนตรี แวะสักการะศาลเจ้าพ่อพันท้ายนรสิงห์ ทำบุญปล่อยปลา และเดินชมป่าชายเลน เป็นต้น ตลาดริมคลองพ่อพันท้ายนรสิงห์ เปิดทุกวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น.
14. พระราชวังสนามจันทร์ นครปฐม
พระราชวังสนามจันทร์ ตั้งอยู่ที่ตำบลพระปฐมเจดีย์ อำเภอเมืองนครปฐม อยู่ห่างจากองค์พระปฐมเจดีย์เพียงแค่ 2 กิโลเมตรเท่านั้น สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2450 โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อใช้เป็นสถานที่ประทับครั้งมานมัสการพระปฐมเจดีย์ ภายในพระราชวังสนามจันทร์มีพระที่นั่งและพระตำหนักที่สวยงามมากมาย อาทิ พระที่นั่งพิมานปฐม, พระที่นั่งอภิรมย์ฤดี, พระที่นั่งวัชรีรมยา, พระที่นั่งสามัคคีมุขมาตย์, พระที่นั่งปาฏิหาริย์ทัศไนย, พระตำหนักชาลีมงคลอาสน์, พระตำหนักมารีราชรัตบัลลังก์, พระตำหนักทับแก้ว, พระตำหนักทับขวัญ เป็นต้น
15. สวนสัตว์เปิด ซาฟารี ปาร์ค แอนด์ แคมป์ จังหวัดกาญจนบุรี
ภาพจาก Vassamon Anansukkasem / Shutterstock.com
ตั้งอยู่ที่อำเภอบ่อพลอย เป็นสวนสัตว์เปิดที่น่าท่องเที่ยวมาก ๆ ทันทีที่ได้เข้าไปด้านในจะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศแบบซาฟารี เหมือนไปเที่ยวทางฝั่งแอฟริกาใต้เลยล่ะ เพราะคุณจะได้พบกับสัตว์นานาชนิดอย่างใกล้ชิด เพียงเปิดหน้าต่างกระจกรถยนต์สัตว์ต่าง ๆ ก็จะเดินมาทำความรู้จักเราอย่างคึกคัก โดยเฉพาะยีราฟ ใครอยากได้ถ่ายรูปกับยีราฟคอยาวตัวเป็น ๆ ต้องมาที่นี่เลย ภายในสวนสัตว์เปิดซาฟารี ปาร์ค มีสัตว์หลายชนิด อาทิ ยีราฟ, ช้าง, ม้าลาย, อูฐ, เสือโคร่ง, สิงโต, เสือดาว, หมีควาย, ลามา, นกกระจอกเทศ, กวางชนิดต่าง ๆ เป็นต้น นอกจากนี้ก็ยังมีโชว์ช้างและจระเข้ให้ได้ชมกันด้วย ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ safaripark-kan.com
16. น้ำตกสามหลั่น จังหวัดสระบุรี
น้ำตกสามหลั่น ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติเขาสามหลั่น 1 ในน้ำตก กว่า 10 แห่งของสระบุรี ที่มีเอกลักษณ์เป็นลานหินกว้างวางเรียงซ้อนกันเป็นสามชั้น ลดหลั่นกันอย่างละชั้นสูงประมาณ 5 เมตร เหมาะสำหรับการไปพักผ่อนหย่อนใจ นอกจากนี้ยังมีเส้นทางเดินป่าน้ำตกสามหลั่น-อ่างเก็บน้ำซับปลากั้ง ระยะทางประมาณ 4.5 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง โดยมีจุดเริ่มต้นจากบริเวณลานอเนกประสงค์ ผ่านน้ำตกสามหลั่น อ่างเก็บน้ำเขาสามหลั่น อ่างเก็บน้ำเขาไม้นวล น้ำตกแผงม้า อ่างเก็บน้ำซับปลากั้ง ไปสิ้นสุดบริเวณที่ทำการหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ พฉ.1 (ซับปลากั้ง) ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติน้ำตกสามหลั่น
17. วัดโบสถ์ (หลวงพ่อโตองค์ใหญ่) จังหวัดปทุมธานี
ภาพจาก Nokkapood1977 / Shutterstock.com
ตั้งอยู่ที่อำเภอสามโคก เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ "หลวงพ่อเหลือ" พระคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดปทุมธานี เดิมเป็นวัดเก่าโบราณสมัยกรุงศรีอยุธยา โดยชาวมอญอพยพมาจากเมืองหงสาวดีสร้างไว้เป็นสัญลักษณ์ของเมืองหงสาวดี ภายในวัดมีรูปปั้นเหมือนของ "สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี" องค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งมีความสูงถึง 28 เมตร ซึ่งผู้คนจากทั่วทุกสารทิศนิยมเดินทางมากราบไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคลเป็นจำนวนมาก
18. หมู่บ้านมังกรสวรรค์ จังหวัดสุพรรณบุรี
ภาพจาก chaivit chana / Shutterstock.com
สถานที่ท่องเที่ยวสไตล์จีนในไทยที่น่าสนใจ ตั้งอยู่ภายในอุทยานมังกรสวรรค์ (ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง) และพิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร โดยรูปแบบของหมู่บ้านได้จำลอง "เมืองลี่เจียง" เมืองเก่าแก่โบราณของสาธารณรัฐประชาชนจีน ภายในถูกออกแบบได้สวยงามลงตัว เสมือนได้เดินเข้าไปในหมู่บ้านโบราณของเมืองจีนจริง ๆ โดยแต่ละหลังเป็นสถานที่ที่ให้บริการต่างกันออกไป มีร้านขายสินค้าและของที่ระลึก โรงหนัง โรงนวด โรงเตี๊ยม ร้านอาหาร ตลอดจนประติมากรรมที่งดงามอย่างเสามังกรฟ้า จากเมืองฉงอู่ สาธารณรัฐประชาชนจีน อีกทั้งยังสามารถขึ้นไปชมวิวได้แบบ 360 องศา บนหอคอยชมวิว ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้เห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามโดยรอบของอุทยานมังกรสวรรค์ เหมาะแก่การเก็บภาพประทับใจไว้อย่างยิ่ง เปิดบริการทุกวัน ไม่เสียค่าเข้าชม
19. ตลาด 100 ปี ระแหง จังหวัดปทุมธานี
ภาพจาก FS11 / Shutterstock.com
ตลาดร้อยปีระแหง ตลาดเก่าที่ยังมีเสน่ห์ ตั้งอยู่ที่ริมคลองระแหง อำเภอลาดหลุมแก้ว เป็นตลาดโบราณริมน้ำอายุ 100 ปี ภายในเป็นห้องแถวที่สร้างด้วยไม้ติดต่อกัน เกิดจากการที่ผู้คนสมัยก่อนสัญจรทางเรือและทางรถไฟ โดยมีทางรถไฟสายแรกคือสายตลาดระแหง-บางบัวทอง มาสิ้นสุดที่โรงเรียนวรพงษ์ ต่อมาการคมนาคมเจริญขึ้น มีถนนผ่านหน้าอำเภอ ผู้คนหันมาสัญจรทางรถยนต์กันมาก กิจการรถไฟก็ล้มเลิกไป แต่ยังคงเหลือตลาดเอาไว้ให้เป็นอนุสรณ์ ชาวบ้านที่อยู่บริเวณตลาดระแหงยังมีการอนุรักษ์วิถีชีวิตริมคลอง และสถาปัตยกรรมบ้านเรือนไม้หลังคาจั่ว อีกทั้งยังมีการจำหน่ายสินค้าเกษตร, ร้านยาจีนและยาแผนโบราณ, ร้านอาหาร, ร้านตัดผม รวมทั้งมีศาลเจ้าและโรงงิ้วภายในชุมชนอีกด้วย ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ตลาดระแหง ปทุมธานี
20. เที่ยวอำเภอเมืองลพบุรี
ภาพจาก Goldquest / Shutterstock.com
ต่อด้วย "วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ" ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามสถานีรถไฟลพบุรี โดดเด่นด้วยพระปรางค์องค์ใหญ่ ก่อด้วยศิลาแลงตั้งแต่ฐานถึงหน้าบัน ประดับด้วยลวดลายปูนปั้นที่งดงาม ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมเขมร ภายในองค์ปรางค์มีจิตรกรรมฝาผนังเขียนด้วยสีฝุ่นรูปพระพุทธเจ้าและพระสาวกเจดีย์รายและพระปรางค์ นอกจากนี้ภายในวัดยังมีวิหารเก้าห้อง ซึ่งมีลักษณะเป็นวิหารที่มีผนังยาวโดยมีช่วงเสากั้นอยู่รวมเก้าช่วงเสา เป็นลักษณะสถาปัตยกรรมแบบสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ซึ่งได้รับอิทธิพลจากชาวต่างประเทศ
"พระนารายณ์ราชนิเวศน์" ตั้งอยู่ที่ตำบลท่าหิน อำเภอเมือง ชาวเมืองลพบุรีเรียกที่นี่กันจนติดปากว่า "วังนารายณ์" เป็นพระราชวังที่สมเด็จพระนารายณ์มหาราชโปรดให้สร้างขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. 2208-2209 ออกแบบโดยวิศวกรชาวฝรั่งเศส ความสวยงามของที่นี่อยู่ที่ลักษณะสถาปัตยกรรมแบบไทยผสมตะวันตก และปิดท้ายที่ "บ้านหลวงรับราชทูต (บ้านวิชาเยนทร์)" ตั้งอยู่ที่ถนนวิชาเยนทร์ ลักษณะเป็นกลุ่มบ้านที่ก่อสร้างขึ้นด้วยอิฐ มีสถาปัตยกรรมแบบยุโรป มีกำแพงล้อมโดยรอบ ในอดีตที่นี่เป็นสถานที่รับรองเอกอัครราชทูตจากฝรั่งเศสของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ปัจจุบันที่นี่หลงเหลือเพียงซากปรักหักพัง แต่ก็ยังเห็นโครงสร้างต่าง ๆ อย่างชัดเจน นักท่องเที่ยวสามารถไปเที่ยวชมได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30-17.00 น.
อ้างอิง : https://travel.kapook.com/view189578.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น